‘ฉัตร – ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร’ ปิดหัวใจไม่คิดเรื่องรัก


เป็นดาราหน้าใหม่วัย 18 ปี ที่น่าจับตามองอีกคนของวงการสำหรับ ฉัตร-ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร ซึ่งเธอก้าวเข้ามาเป็นนางเอกละคร “ใต้ฟ้าตะวันเดียว” ที่ กำลังออนแอร์อยู่ทางโมเดิร์นไนน์ ทีวี ประกบคู่กับพระเอกสุดฮอตอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ และดาราดังเกาหลีหลายคน แถมดวงยังรุ่งพุ่งแรง เล่นละครเพียงเรื่องเดียว ความสามารถก็ไปเข้าตา คุณแดง-สุรางค์ เปรมปรีดิ์ แห่งช่อง 7 เข้าอย่างจัง จนเรียกให้ไปเซ็นสัญญา เป็นนักแสดงของช่องภายในเวลาอันรวดเร็ว วันนี้เธอมาเยือน “ดาวต่างมุม” ให้แฟน ๆ ได้ทำความรู้จักเธอมากขึ้น …

เข้ามาอยู่วงการบันเทิงได้ยังไง?

**เคยมีแคสโฆษณาเอง ก่อนมาเล่นละครก็มาเจอพี่เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตต์ ที่เซ็นทรัล ก็มาพูดคุยกัน แล้วติดต่อกันมาอีกที เลยได้มาอยู่กับพี่เอ แล้วพี่เอก็ส่งรูปไปแคสจนได้งานละครเรื่อง “ใต้ฟ้าตะวันเดียว” ค่ะ แล้วพอละครออกอากาศตอนนี้คนก็รู้จักเยอะขึ้นค่ะ มีคนบอกว่าเอ๊ะใช่ฉัตรหรือเปล่าที่เล่นเรื่อง ใต้ฟ้าตะวันเดียว”

มาเล่นละครเรื่องแรก เจอของยากเลย?

**ทั้งเครียดและกดดันมากค่ะ เหมือนเรายังใหม่ มีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก เรื่องแอ๊คติ้งยังทำอะไรไม่ได้ พอไปทำงานที่เกาหลี ก็ได้กำลังใจ ทั้งผู้กำกับ ครูสอนแอ๊คติ้งคอยช่วยเราตลอด ก่อนได้แสดงก็เตรียมตัวไปเรียนแอ๊คติ้ง แต่ละครเรื่องนี้กะทันหันมาก เลยมีเวลาแค่ช่วงสั้น ๆ เพื่อไปเรียน แต่เวลาตอนถ่ายก็จะมีครูสอนที่หน้ากองอีกทีค่ะ

ละครถูกวิพากษ์วิจารณ์เยอะเหมือนกัน?

**ถ้ารวม ๆ ฉัตรไม่ค่อยทราบ แต่ถ้าคนรอบข้างฉัตรเขาก็บอกว่า ก็โอเค ส่วนมากฉัตรก็จะถามเพื่อนหรือญาติ ๆ เขาก็บอกว่าละครสนุกดี น่าติดตามดี แต่บางคนอาจจะสะดุดเรื่องเสียงพากย์ มันเหมือนเป็นละครที่ทุกอย่างใหม่หมด ตอนแรกอาจไม่ลงตัวบ้าง แต่ก็ปรับมาเรื่อย ๆ ตอนนี้ฉัตรว่าก็โอเคแล้วค่ะ

ประสบการณ์ทำงานเรื่องแรกได้อะไรบ้าง?

**ได้ศาสตร์ทางด้านการแสดง การทำงาน การดูแลตัวเอง หลาย ๆ อย่างค่ะ เพราะเรื่องนี้เหมือนรวมทุกอย่างที่เราไม่เคยทำ ได้มาทำเรื่องนี้ ซึ่งตอนที่ยังไม่ได้เข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงภาพที่มองก็ไม่เหมือนกันค่ะ คนข้างนอกอาจจะคิดว่าเหมือนก้าวเข้ามาได้ง่าย หรืออาจจะมีอะไรที่สวยหรู แต่พอก้าวเข้ามาแล้วเหมือนมีอะไรมากกว่านั้นอยู่ จริง ๆ ฉัตรก็อยากลองทำอะไรหลาย ๆ อย่าง  อยากลองทำด้านที่ตัวเองเรียนคือ บัญชี คือฉัตรเรียนบริหารธุรกิจ เอกบัญชี ที่ ม.เกษตรศาสตร์ ช่วงก่อนที่ฉัตรจะเอนทรานซ์ชอบการคำนวณ แต่พอมาเรียนยากกว่าที่คิดไว้เยอะ เหมือนกับการทำงานในด้านบันเทิงนี้เหมือนกัน ยากกว่าที่คิดไว้เยอะ

เมื่อเข้ามาอยู่ในวงการบันเทิงต้องปรับตัวอะไรบ้าง?

**ก็อาจจะมีต้องระวังตัวมากขึ้น จัดตารางเวลาให้ดีขึ้นค่ะ ยังไม่มีอะไรที่ผู้ใหญ่กำชับมาเป็นพิเศษ ยังไม่ถึงขนาดนั้น แต่มีผู้ใหญ่คอยเตือนว่าให้ระวังตัวมากขึ้น ให้ดูแลตัวเองหลาย ๆ อย่างมากขึ้น ยังไม่ได้มีข้อห้ามอะไร

ถการเข้ามาอยู่วงการบันเทิงครอบครัวสนับสนุนมากน้อยแค่ไหน?

**ตอนแรกเขาก็เป็นห่วงเรื่องเรียนของเราด้วย แต่พอก้าวเข้ามาก็สนับสนุน เขาก็อยากให้เราได้ทำในสิ่งที่เราชอบ อยากให้ลองหลายๆอย่าง แต่จะห่วงเรื่องเรียน และดูแลตัวเอง เพราะบางทีฉัตรยังเด็กไปยังไม่ค่อยระวัง

มาเล่นละครเรื่องแรกก็กลายเป็นดาวรุ่ง?

**ไม่ถึงขนาดนั้นมั้งคะ คอยสังเกตตัวเองที่หน้าจออยู่ตลอดเหมือนกัน ถ้าเรื่องแรกสำหรับฉัตรก็โอเคในระดับหนึ่งค่ะ แต่ว่าเท่าที่ดูก็ยังมีจุดที่ต้องปรับปรุงอยู่

แต่ก็ได้เซ็นสัญญาเข้าช่อง 7?

**ฉัตรก็ยังงงอยู่เลย เพราะเป็นอะไรที่เร็วมาก ตัวเองก็ยังตั้งตัวไม่ทันเลย พี่เอ พาเข้าไปสวัสดีคุณแดง แล้วทางผู้ใหญ่เขาคุยกันมารู้อีกทีก็เรียกเราไปเซ็นสัญญาค่ะ ก็ดีใจค่ะ ตื่นเต้นด้วย เพราะเหมือนกับเราเพิ่งก้าวเข้ามาค่ะ อยู่ดี ๆ ก็ได้ก้าวไปอีกขั้น ถือเป็นก้าวใหม่ค่ะ สำหรับวันนี้ก็ยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลยค่ะ เรื่องงานก็ยังไม่ได้คุยในรายละเอียดเลย แต่คุณแดง ก็มีสั่งให้ลดน้ำหนักค่ะ ลดลงหลายกิโลกรัมอยู่ค่ะ เพราะฉัตรเป็นคนผิวค่อนข้างขาว แล้วเวลาไปอยู่ในจออาจจะดูใหญ่ขึ้นเยอะ เลยไปลดหน่อยดี  กว่า แต่ก็ไม่หนักใจนะ เพราะเราก็ตั้งใจจะลดอยู่แล้ว

เข้าวงการไม่นานแต่ได้อยู่ในสังกัดที่ใหญ่ กลัวโดนเขม่นไหม?

**มีกลัวโดนบ้างค่ะ แต่ฉัตรไม่ได้คิดจะแข่งกับใครนะคะ ฉัตรก็อยากทำงานไปเรื่อย ๆ มากกว่า ก็อยากทำงานหลาย ๆด้านค่ะ หรือว่าเล่นละครก็อยากลองเล่นหลาย ๆ บทบาท ไม่ได้คิดว่าต้องนางเอกอยู่ตลอดไม่ได้คิดไกลขนาดนั้น

แต่ก็มีข่าวค่อนข้างเยอะ กังวลบ้างไหม?

**มีค่ะ ก็ไม่อยากให้ตัวเองมีข่าวด้านลบหรือข่าวเสีย ๆ หาย ๆ   จริง ๆ ตัวฉัตรจะไม่ค่อยได้กังวลกับเรื่องข่าว เพราะเวลาเราไปไหนมาไหนก็จะรู้อยู่แล้วว่าเราทำอะไรอยู่ แต่ฉัตรกลัวคนรอบข้าง หรือคนที่อ่านข่าวเข้าใจผิดมากกว่าค่ะ ก็ถ้าเวลาไปทำอะไรต้องระวังตัวให้มากขึ้นกว่านี้เยอะ เวลาพี่ ๆ นักข่าวมาถามยังไงฉัตรก็จะพูดแบบตอบตรง ๆ อยู่แล้ว อยากให้คนที่ดูหรืออ่านข่าวเข้าใจว่าบางทีเข้ามาอยู่ตรงนี้บางทีก็ต้องมีข่าวไปด้วย

ต้องระวังจนไม่เป็นตัวของตัวเองหรือเปล่า?

**มีค่ะ แต่ว่าก็ทั่วไปฉัตรก็เป็นตัวของตัวเองอยู่แล้ว เวลาไปมหาวิทยาลัยจะไม่ค่อยได้ปรับหรือเปลี่ยนอะไร ชีวิตปกติก็ไม่ได้ทำอะไรอยู่แล้ว ไปเรียนแล้วก็กลับบ้าน ไม่ค่อยได้ไปไหน ไม่ได้กังวลว่าต้องเปลี่ยนตัวเองมากขนาดไหน ข่าวทุกอย่างฉัตรก็เคลียร์ไปหมดแล้วว่าไม่ใช่ แค่เจอที่งานหรือแค่ร่วมงานกันเฉย ๆ

มีคนมาจีบเยอะไหม?

**ไม่มีเลยค่ะ มีแค่เพื่อนหรือรุ่นพี่รุ่นน้องที่คุยกันเฉย ๆ ค่ะ ไม่ได้มีใครมาจีบหรือคุยในเชิงนั้นเลย แต่เป็นเพราะฉัตรอาจจะปิดตัวเองด้วย ยิ่งตอนนี้ฉัตรยิ่งไม่อยากคิดเรื่องอย่างนี้ด้วย คือวัน ๆ หนึ่งเราไปเรียนหรือทำงาน ฉัตรรู้สึกว่าแค่นี้วันหนึ่งมันก็ไม่มีเวลาไปทำอะไรแล้ว ฉัตรไม่ชอบที่ต้องคุยกันตลอดเวลา รู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง

เพราะก้าวมาเป็นดาราแล้วหรือเปล่าถึงมีแฟนยากขึ้น?

**ฉัตรว่าน่าจะเกี่ยวกับเวลาของฉัตรมากกว่า เรามีเวลาให้ตัวเองน้อยลง ถ้าว่างจากการทำงานหรือเรียนก็อยากมีเวลาพักผ่อนของตัวเองค่ะ อยู่กับเพื่อนแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ที่บ้านก็ไม่ได้ห้ามเรื่องมีแฟนค่ะ แต่จะบอกให้เราระวัง เลือกที่จะคุยมากกว่า ฉัตรว่าไม่เกี่ยวที่มีข่าวเยอะแล้วคนไม่มาจีบ เพราะก่อนที่จะมีข่าวก็ไม่มีใครจีบเลย ไปมหาวิทยาลัยก็มีคุยกับเพื่อน เวลาไปเรียนแม่ก็ไปส่ง ตอนเย็นแม่มารับกลับบ้านเลยแทบไม่ได้ไปไหน

แสดงว่าคุณพ่อคุณแม่เองก็เข้มงวดกับเราอยู่?

**ไม่ใช่เข้มงวดแต่คอยดูแลเรามากกว่า คือเป็นแบบนี้ตั้งแต่ เด็ก ๆ แล้วค่ะ พ่อแม่ไปรับไปส่ง เคยคิดอยากไปไหนมาไหนเองนะ เคยอยากลองขอกลับบ้านเอง แต่พอได้กลับเองแล้วรู้สึกต้องมานั่งรอรถเมล์ มันลำบากนะ รอแม่ดีกว่าสบายกว่า

ถูกเลี้ยงดูมาแบบไหน?

**พ่อแม่เลี้ยงดูเอง แต่คุณพ่อจะมีต้องไปทำงานต่างประเทศบ้าง ก็จะอยู่กับคุณแม่มากกว่า แล้วก็จะมีญาติ ๆ น้า ๆ อยู่ใกล้ ๆ กันค่ะ การเลี้ยงดูก็จะมีกรอบให้บ้าง แต่ก็จะปล่อยเราคิดเองด้วย ปน ๆ กันไป ถ้าบางเรื่องที่เราควรจะคิดเองได้ก็จะปล่อยเรามากกว่า พ่อแม่ค่อนข้างจะเชื่อใจฉัตรในระดับหนึ่งว่าเรื่องไหนจัดการตัวเองได้ จะมีเข้มงวดก็เรื่องเรียนค่ะ ให้ตั้งใจเรียน และถ้าเข้ามาทำงานก็อย่าทิ้งเรียน

ทำงานด้วยเรียนด้วยค่อนข้างหนักเหมือนกัน?

**ต้องเทอมต่อ ๆ ไปค่ะ แต่เทอมนี้ก็ค่อนข้างมีปัญหาเหมือนกัน เทอมต่อไปก็คงต้องจัดเวลา ถ้าทำงานเยอะ แทนที่จะต้องไปเรียนเหมือนเพื่อน ๆ ปกติทั่วไป แบบเต็ม ๆ เทอมอาจจะมีน้อยลง ก็ค่อย ๆ เรียนไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องไปรีบ ที่บอกว่าการเรียนมีปัญหาคือก่อนที่จะเปิดเทอมนี้ ฉัตรต้องไปถ่ายละครที่เกาหลีซึ่งมันค่อนข้างยาวด้วย ฉัตรขาดเรียนไปเกือบเดือนค่ะ แล้วฉัตรก็ลงตารางเวลาไว้แล้วว่าจะไม่ขาดเยอะ แล้วมันกลับมาไม่ทัน เรียนตามเพื่อนไม่ทันด้วย กลับมาก็สอบเลย ตามไม่ทัน อาจจะมีดร็อปไปบางตัวที่คิดว่าจะไม่ไหว แต่ไม่ได้ดร็อปทั้งเทอม คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องต้องดร็อปเรียน เพียงแค่กลัวตามไม่ทันมากกว่า เรื่องเรียนก็บอกว่าค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปก็ได้ พอเทอมใหม่เราก็ต้องปรับตารางเวลาให้ดีขึ้นค่ะ ก็ลำบากนะคะ เพราะงานแบบนี้มันไม่ได้มีแจ้งล่วงหน้า บางทีก็มากะทันหัน เราก็ตั้งรับไม่ทันเหมือนกัน

มันคุ้มกันไหมกับสิ่งที่เราต้องแลกกับการที่ได้เป็นดารา?

**ฉัตรคิดว่ามันก็คุ้มนะคะ เพราะเป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่เราได้มาทำตรงนี้ แต่ไม่ทิ้งทั้งสองอย่างค่ะ ปกติเวลาฉัตรเรียนก็ไม่เครียดตรงนั้น ทำงานก็เหมือนกันถ้าไปเครียดกับมันเหมือนจะออกมาไม่ดี เราก็สบาย ๆ ไปเรื่อย ๆ ดีกว่า

อยากให้ฝากอะไรถึงแฟน ๆ ไหมในฐานะน้องใหม่ของวงการ?

**ก่อนอื่นก็ขอฝากละครเรื่องใต้ฟ้าตะวันเดียวที่ออนแอร์อยู่ด้วยนะคะ และตอนนี้ก็มีการเข้าช่องใหม่ มีการเปลี่ยนแปลง ก็ขอฝากผลงานต่อ ๆ ไปของฉัตรด้วยค่ะ

ถึงจะพูดน้อยไปนิด แต่จับตาดูให้ดี เธอคนนี้อนาคตไกลแน่ ๆ …

(จาก นสพ. เดลินิวส์)

4 thoughts on “‘ฉัตร – ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร’ ปิดหัวใจไม่คิดเรื่องรัก

  1. ผมขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นแฟนคลับของพี่ฉัตรนะครับเพราะเป็นสาวในสเป๊กของผมเลยเวลาเล่นละครยิ้มมีเสน่ห์มากน่าหวานมากๆเป็นคนๆหนึ่งในใจเลยที่ผมชอบที่สุดเลยมาค้นหาในกูเกิ้ลพี่ฉัตรเขาเล่นละครเสือสั่งฟ้าขนาดไม่ได้เป็นนางเอกยังสวยกว่านางเอกอีกนางฟ้าจริงๆบายครับ

ใส่ความเห็น