ธรรมะเวลาทะเลาะกับเพื่อน


เมื่อเราทะเลาะกับเพื่อน…

 

 

ต้องโทษตัวเอง…ที่ไปมีปากเสียงกับเพื่อน
ถ้าวันนั้น…เราเองควบคุมอารมณ์ สติ ความคิด การพูด และการกระทำให้ดีกว่านี้ได้…
เพื่อนคนนั้นคงไม่สร้างความคับข้อง หมองใจไว้กับตัวเอง…กลายเป็นอารมณ์อันเร่าร้อน
เร่าร้อนเพราะ…อยากให้เราเร่าร้อนบ้าง (และเขาก็ทำสำเร็จ)
ถ้ารู้อย่างนี้…ต้องพยายามฝึกควบคุม และรักษาใจของตนเองให้ดี
อย่าให้อารมณ์มาอยู่เหนือจิตใจ…จริงอยู่ พูดง่ายแต่ทำยาก
ถึงบอกว่าต้องฝึก ต้องพยายาม และรักษาความสามารถนั้นไว้ให้ดีไง
ของดี มีค่ามาก เพราะว่ากระทำได้ยากนี่ล่ะ
เอาธรรมะไปสักหัวข้อหนึ่งนะ…ธรรมอันทำให้งาม

1.ขันติ ความอดทน อดกลั้น ต่อความยากลำบาก

ทั้งที่กระทบกับร่างกายก็ดี เช่น เหนื่อย เพลีย หนาว ร้อน ปวด ป่วย เป็นต้น
อดทนต่อสิ่งที่กระทบกับใจ…ง่าย ๆ ก็เอาแค่อารมณ์ที่ไม่ชอบ ไม่พอใจก่อน
ความรู้สึกโกรธ เป็นเรื่องปกติ…แต่รู้แล้วให้ทิ้งไว้ตรงนั้น อย่าเก็บไว้
ถ้าเก็บไว้..จะกลายเป็นอาฆาต พยาบาท ถ้ากลั้นไม่อยู่ผลอาจจะรุนแรงกว่าที่คิด
เพราะเราเองก็อยากจะทบต้นทบดอก

2.โสรัจจะ ความเสงี่ยม การรักษามารยาทให้เรียบร้อย

ไม่ให้อาการอันไม่งามแสดงออกมา ไม่ใช่กลั้นได้ว่าไม่ตอบโต้เขา
แต่ยังมีอาการแค้นด้วยสายตา เดินกระทืบปึงปัง ทำลายข้างของแทน
บุคคลหนึ่ง ที่เป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยม คือ ในหลวงของพวกเรา
พระองค์ ไม่เคยแสดงความท้อแท้ ความเหนื่อยอ่อนให้พวกเราเห็นเลย
แม้จะเดินป่า ขึ้นเขา ลุยน้ำ แต่ทุกครั้งที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรพสกนิกร
พระองค์ทรงมีแต่รอยยิ้ม ด้วยความปิติ ความรัก ความเมตตา
เพราะพระองค์ทรงมีขันติ และโสรัจจะ นี้เป็นคุณธรรมส่วนหนึ่ง

จึงทรงเป็นผู้สง่างามยิ่ง เป็นที่รักใคร่ของปวงประชาเสมอมา

ดังนั้น ตัวเราเองถ้ายังทำให้ตัวเองดีไม่ได้ อย่าเพิ่งไปโทษใคร…ให้โทษตัวเอง
แล้วจะโทษตัวเองอีกนานแค่ไหน…ถ้ารู้ตัวว่าขาดอีกเท่าไหร่
เราก็ต้องเร่งพัฒนาตนเอง ให้สามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์เหล่านั้นได้อย่างมีสติ
ก็พอจะรักษาตัวรอด ให้การดำเนินชีวิตนี้มีความสงบในระดับหนึ่ง
ส่วนที่ทำได้ดีอยู่แล้ว ก็ต้องขวนขวายให้ดียิ่งขึ้นๆไป จะสามารถช่วยคนรอบๆข้างเราได้ด้วย

ขันติ คือ ความอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลส อย่างยิ่ง“…

13 thoughts on “ธรรมะเวลาทะเลาะกับเพื่อน

  1. จริงนะ ความรู้สึก ความนึกคิด อารมณ์ต่างๆ เราสร้างขึ้น แม้ความนึกคิดว่า เรากำลังทะเลาะกับผ้อื่น แท้จริงแล้ว เราสร้างความนึกคิดขึ้นมาเอง และในท่สุด “เราทะเลาะกับอารมณ์ของเราเอง” หาใช่เราทะเลาะกับผู้อื่นไม่
    การไม่เข้าใจความจริงนี้ นำมาซึ่งความสับสน ดำเนินชีวิตไปท่ามกลางความแปรปรวนของชีวิต
    เราเรียกการเกิดขึ้นของความแปรปรวนนี้ว่า “อวิชชา”
    ดังท่พระศาสดาตรัสกระแสของอวิชชานี้ว่า
    เพราะอวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิด สังขาร
    สังขาร เป็นปัจจัยให่เกิดวิญญาน
    และจะมีความทุกข์ในท่สุด
    กล่าวได้ว่า เราสร้างความนึกคิดขึ้นเอง แล้วเสวยทุกข์ มิใช่เราทุกข์เพราะทะเลาะกับผู้อื่น
    หมายเหตุ “การเข้าถึงตวามจริงทุกอย่าง ต้องผ่านการฝึกฝนเสมอ”

    ฟางข้าว

  2. เห็นด้วยครับ บางครั้งเราก็มีกำแพงกั้นระหว่างเรากับอีกฝ่าย เมื่อมีการตั้งกำแพงแล้ว ก็ยากนักที่จะล้มได้ ผมเองก็เป็น พยายามฝึกอยู่ แต่ยากจัง…

  3. คิดว่าเป็นวิธีที่ดีมากเลยค่ะจะพยายามเอาวิธีนี้ไปลองใช้ดูค่ะ เวลาที่ทะเลาะกับเพื่อนที่ไรจะโมโหก่อนทุกทีเลยแบบไม่มีสติเลยค่ะดีใจมากเลยค่ะที่ได้เข้ามาอ่านเจอขอบคุณมากค่ะกับการแนะนำค่ะ

  4. ขอบคุณ คุณ ต้นหลิว ครับ แต่จริง ๆ แล้ว ผม เอามาจาก อีกเว็บครับ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าของคุณ ลงก่อน หรืออีกเว็บลงก่อนครับ และผมก็ไม่คิดว่าจะมีคยจะดูเยอะครับ แต่ผิดคาด คนมาดูเยอะ…

  5. ทำงานต้องอดทนอย่างมาก เพราะมีเจ้านายตาขาว ขี้ขลาด เห็นแก่ตัว กะล่อนทอง อย่าไปสนใจ เมื่อไม่พอใจก็ไปหานายใหม่ที่ดี มีคุณธรรม ได้พึ่งพาพอที่จะทำงานเลี้ยงชีพได้ อย่าทนอยู่กับนายที่กะล่อน เห็นแก่ตัว ขี้กลัวผมตั้ง เพียงเพราะเจ้าถิ่นขู่ ขอสองขั้น ยอมหงอให้ทุกอย่าง ไม่ให้มันก็จะใส่ความ ใส่ร้าย กุเรื่องให้เสียชื่อไปถึงเมีนย ถึงลูก

  6. เครียดมากๆอ่ะ คือเรามีเพื่อนไม่มากนะ เเต่ที่สนิทที่สุดมีคนเดียวอ่ะ สนิทนี่คือเราจะไม่ปิดบังกันเลย จะเปิดเผยหมด เเต่เราคนละเพศกับเพื่อนนะ มันอาจจะเป็นช่องว่างอย่างนึง เพราะเรามีเพื่อนเป็นผู้หญิงอ่ะ เเล้วเราเป้นเกย์ เวลาเราคุยกัน ส่วนมากจะคุยใน msn จะคุยทุกวันเลย เเล้วช่วงหลังๆมานี้ เราคุยกันเเบบเหมือนแดกดันกัน คือหลายๆคนอาจจะงง เเต่เหมือนเรามีอะไรที่เหมือนกันหลายๆอย่าง เลยดูใจกันออก ด้วยความที่ดูออกอ่ะ มันเลยเหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่คับเเค้นเเน่นอก เเน่นความรู้สึก บอกไม่ถูกอ่ะ เป็นมาปีกว่าเเล้ว เเต่ยังคุยกันปกติเวลาเจอที่โรงเรียนนะ เลยไม่สบายใจเพราะเหมือนเราต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน เเล้วขาดกันไมได้อ่ะ ขาดมันไม่ได้ เเต่ต้องมาเปิดสงครามจิตวิทยากันใน msn เเละบางครั้งในชีวิตกับคำพูดที่ไม่ได้ด่าเเต่ฟังเเล้วเจ็บ ซึ่งเราไม่เเน่ใจว่าเค้าด่าหรือไม่เเต่เรารู้สึกไม่ดีเเล้วก็ดูออกว่าเคาพูดจากสิ่งที่เราเป้นจริงๆ เเบบนี้ต้องพึ่งธรรมะมากๆจริงๆ ไม่งั้นเราตายเเน่ๆ เพราะมีมัคนเดียวจริงๆที่สนิทกันเเล้วเอาใครมาเเทนไมได้ด้วย

  7. ธรรมข้อนี้ใช้ได้ดีแม้การทะเลาะนั้นอาจไม่ได้มาจากการมีปากเสียง แต่อาจเกิดจากสาเหตุที่เราไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้น บางครั้งเพื่อนอาจใช้คำพูดที่บาดใจเราอย่างแรงในขณะที่เพื่อนอาจพูดไปด้วยอารมณ์เพียงชั่วขณะหรือด้วยนิสัยที่ตรงไปตรงมา แต่นั่นอาจทำให้ความรู้สึกของเพื่อนอีกคนที่เป้นคนฟังเสียไปแล้ว เพราะเขาก็มีหัวใจเช่นกันทั้งที่เพื่อนของคุณยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำอะไรผิด และเป็นการดีที่สุดที่คนฟังต้องทนเก็บความรู้สึกเอาไว้เพื่อไม่ให้กลายเป็นปัญหาใหญ่และความบาดหมางในระยะยาว แต่คุณเองก็ควรจะเข้าใจว่าคำพูดนี่แหละที่เป็นมีดทิ่มแทงใจคนเราได้เป็นอย่างดีฉะนั้นก่อนจะพูดอะไรคุณควรจะใช้คำพูดที่ถนอมคนฟังให้มากจะดีที่สุด จะได้ไม่มีใครเสียใจกับสิ่งที่คุณพูด

ใส่ความเห็น