เรื่องทำใจให้เป็นกลาง อาจดูเหมือนพูดง่ายแต่ทำยาก เพราะแต่ละคนย่อมมีพื้นฐานที่ต่างกัน มีประสบการณ์การรับรู้ที่ต่างกัน และที่สำคัญ ทุกคนก็ยังอยู่ในกลุ่มผลประโยชน์ ไม่ในสถานการณ์ใดก็สถานการณ์หนึ่ง แต่มิได้หมายความว่าฝึกไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ใจ หากเราควบคุมจิตใจตนเองได้ก็นับได้ว่าชนะไปมากกว่าครึ่ง และนี่คือเคล็ดลับ 5 ประการ ที่จะฝึกทำใจให้เป็นกลาง…
เห็นด้วยกับเคล็ดลับ 5 ประการ ครับ ประมวลโดยเป้าหมายก็เพื่อให้ทุกๆฝ่ายอยู่ร่วมกันได้อย่าง “สันติ” และ “มีความสุข”(สันติสุข….ความสุขท่เกิดจากความสงบ) และอยากสบับสนุนกระทู้เพิ่มเติม ดังนี้ครับ
คำว่า “เป็นกลาง”เป็นสภาวธรรมท่มีนัยทางทิฏฐิ(แนวความคิด)ขึ้น 2 ฝ่าย เช่น การทรมานตนเองด้วยความโง่เขลา และ การเสพกามคุณอย่างสุดโต่ง
คำว่าเป็นกลางจึงเกิดขึ้น คือ “สัมมาทิฏฐิ”(ทางสากลาง)ซึ่งเป็นทางออกจากความผิดพลาดทั้งสองทางข้างต้น อันเป็นหลักการของ”อริยสัจ”ดังเป็นท่ทราบกันทั่วไปในหมู่ชาวพุทธ
การทำ “ใจให้เป็นกลาง”ซึ่งเกิดขึ้นก่อนทำวาจาและกายให้เป็นกลางควรมองท่ หลักการของอริยสัจประกอบเช่นกันว่า ท่ไหนเป็นท่เกิดและท่ตั้งอยู่ของปัญหา ให้ไป “ละหรือดับ”ในท่นั้น
“การละ”ก็คือการประสานประโยชน์กันเพื่อสลายความขัดแย้งให้หมดไป
“การดับ”ก็คือการเลิกยุติความต้องการเสียทั้งสองฝ่ายเสมือนไม่มีประเด็นความขัดแย้งอะไรเกิดขึ้นมาก่อนเลย เพราะไม่มีความต้องการนั้นๆแล้ว
ดังหลักการปฏิบัติธรรมท่ว่า “….วิบากต้องละ(ปล่อยวาง)ตัณหาต้องดับเสียให้สิ้น…..”
จริงนะ สันติภาพในโลกนี้จะมีเพียง 2 ลักษณะเท่านั้น คือ
1 สันติภาพท่เกิดจาก “การประสาน”(ละ)ประโยชน์ซึ่งกันและกัน และ
2 สันติภาพท่เกิดจาก”การยุติ”(ดับ)ผลประโยชน์จากกันและกัน
เหตุนี้นะ ความเป็นกลางใดๆทางใจ วาจา หรือ กาย จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกๆฝ่ายเห็นชัดตรงกัน(เสมอกัน)ว่า สิ่งใดควรประสานกัน(ละ) สิ่งใดควรหยุด(ดับ) ดังท่พระศาสดาทรงเตือนเราเสมอว่า เมื่อบุคคลจะมีวิวาทะก็เพราะศีลและทิฏฐิไม่เสมอกัน
จริงไหมครับ ว่า ความเป็นกลางจะ “ตั้งมั่น”อยู่บนศีลและทิฏฐิ(แนวความคิด)ท่เสมอกัน
ถ้าจะถามว่า แล้วจะทำอย่างไรจะให้ทุกๆฝ่ายมีศีลและทิฏฐิเสมอกันละพระศาสดาทรงเน้นแสดงครั้งแล้วครั้งเล่ามิใช่หรือว่า “….ศึกษาเรื่องความทุกข์ทั้ง 11 อาการให้แจ่มชัด… แล้วความเป็นกลางจะเกิดขึ้นได้จริงกับทุกๆคน เรียกให้ทุกคนมาพิสูจน์ได้ ในทุกกาลเวลา
เพราะว่า “….นอกจากทุกข์แล้ว ชีวิตนี้ไม่มีอะไรปรากฏอยู่เลย…”ภิกษุณีท่านหนึ่งกล่าวไว้ตั้งแต่สมัยพุทธกาล
ผู้เห็นทุกข์จริงๆย่อมเกิดเมตตาธรรม เมตตาธรรมนั้นแหละจะคำชูโลกไว้
แล้วเรามาจัดระเบียบความทุกข์ให้เป็นระบบแล้วหาทางแก้ไข(ละหรือดับ) หรือว่า เราจะมาจัดความทุกข์ให้กระเจิดกระเจิงไร้ระเบียบจนหาทางแก้ไขได้ยาก ผู้เป็นกลางหรือเดินทางสายกลางย่อมตอบคำถามนี้ได้ จริงไหม
ด้วยความนอบน้อมเคารพ
ฟางข้าว
ข้อความน่าอ่าน
This website is very good for budhisms
เอาใจไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่๗… (ฐานที่ตั้งของใจ)
ถ้าใจเราสู้ ไม่หวั่นไหว สิ่งถูกคือถูก ความดีคือความดี ก็สบายใจ แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางหมู่มาร หรือหมาหมู่ก็อยู่ได้สบายๆ ไม่มีอะไรหนักใจ หมาหมู่ทำร้ายไม่ได้ เพราะมีสิ่งดีๆ คุ้มครองอยู่
เห็นด้วยค่ะ
คนที่จะเป็นกลางได้ต้องทราบความจริงก่อนว่ามีที่มาที่ไปอย่าไร และเมื่อเห็นปีญหาต้องเข้มาทำจัดการด้วยคนเองจึงจะดี เพราะจะสามารถแยกแยะออกได้ว่าอะไรควรแก้ไข จึงจะสำเร้จ